COVID-19 ได้สร้างวิกฤตอันใหญ่หลวงระดับโลก มีผลกระทบในทางลบมากมายต่อธุรกิจต่างๆอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมีธุรกิจที่เสียเปรียบในช่วงนี้ ก็ย่อมมีธุรกิจที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างแยบยล ซูม (Zoom) แอปพลิเคชันที่ผู้คนนิยมใช้งานในช่วงที่ต้อง Work From Home นอกจากจะช่วยให้การทำงานทางไกลเป็นเรื่องง่าย สะดวกสบายต่อการพูดคุยกันในช่วงที่เราต้อง Social Distancing ผู้ใช้งานซูมยังสนุกสนานกับการเปลี่ยนพื้นหลังไปมา
สลับมาที่ธุรกิจ delivery ส่งอาหารหรือแม้แต่ขนส่ง Express เองก็ได้โอกาสจากวิกฤติตรงนี้ เมื่อการกักตัวที่บ้านทำให้ผู้คนไม่สามารถออกไปไหนได้ตามใจ demand ของการสั่งอาหารหรือสั่งของออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย คือ ติ๊กต่อก หรือ Tiktok แอปพลิเคชันที่สำหรับสร้าง Short Video Content ที่เหล่าดารา อินฟลูเอนเซอร์แห่กันมาเล่นในช่วงนี้จนกลายเป็นไวรัลไปแล้วหลายคลิปทีเดียว ไม่ว่าจะคลิปเจนนุ่นโบว์ หรือล่าสุดคลิปภาคเสียงของคุณแม่สิตางค์อย่าง ส้มหยุด! ชาวโซเชียล ก็ตามกันไปลิปซิงค์มากมาย
แม้ส้มจะหยุด แต่ความ Porular ของ TikTok ยังคงพุ่งขึ้นสูงมากขึ้นทุกวัน และต่อจากนี้ TikTok จะกลายเป็นแพลตฟอร์มไฟแรงที่ทุกคนจะใช้เป็นประจำ และใช้บ่อยไม่แพ้ Mass Platform อย่าง Facebook Instagram Youtube เลยทีเดียว
( source : https://sensortower.com/blog/tiktok-downloads-2-billion )
ในปี 2019 ยอดดาวน์โหลดมีจำนวน 738 ล้านครั้ง จนกระทั่ง Tiktok มียอดดาวน์โหลดรวมกันมากถึง 2000 ล้านครั้งแล้วในตอนนี้ โดย Q1 ของปี 2020 เป็นช่วงที่ไวรัสโคโรนากำลังแพร่ระบาด ยอดดาวน์โหลด Tiktok นั้นพุ่งสูงถึง 315 ล้าน จาก 199.4ล้าน ภายในสามเดือน ดูจากกราฟก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดว่า Tiktok เริ่มสร้าง Community ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจริงๆ
ทำไม TIKTOK จึงกลายเป็นแอพลิเคชันที่ใช้กันเป็นปกติมากขึ้นต่อจากนี้ และกำลังจะกลายเป็น New Normal ที่ทุกคนต้องใช้ทุกวัน
1.Tiktok เริ่มช่วงชิงเข้ามาอยู่ใน Journey ของ User มากขึ้นเรื่อยๆ
คลิปที่ไวรัลไปนั้นตอกย้ำความเป็นเอกลักษณ์ให้ Tiktok คือ สั้น กระชับ เปลี่ยน Mindset ของคนส่วนใหญ่ จากเดิมที่คนอาจจะคิดว่า Tiktok ไม่มีความแตกต่างจากแอปพลิเคชั่น สามารถใส่ฟิลเตอร์ พากษ์เสียงเพลง ตัดต่อวิดีโอได้อย่าง Snow, B162 ฯลฯ เท่าไหร่ แต่เมื่ออินฟลูเอนเซอร์ และดารามากมายรวมตัวกันเล่นแก้เบื่อตอนกักตัวในช่วงโควิด กลายเป็นว่า Tiktok เป็นแหล่งรวม User Generate Content ซึ่งส่งผลดีให้กับทั้ง Tiktok เอง และนักการตลาดเองนั้นก็มีช่องทางให้สื่อสารการตลาดเพิ่มขึ้นด้วย แน่นอนว่าหลังจากนี้ทั้งนักการตลาดเองหรือ นักท่องโซเชียลมีเดียเองก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ และไม่อาจสวนกระแสให้กับ Tiktok เพราะจำนวนผู้ใช้งาน Tiktok จะเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน
2.หลังจากเหตุการณ์โควิดระบาด ผู้คนจะเข้าสังคมน้อยลง อยู่ติดบ้านมากขึ้น
ต่อจากนี้ไป Work form home จะถูกปรับใช้ในหลายๆองค์กร เนื่องด้วยความหวาดระแวงและความเคยชิน แน่นอนว่าสุขภาพยังคงสำคัญต่อการใช้ชีวิต ทำให้เราต้องคอยระแวดระวังตลอดเวลา เพราะความเพราะความน่ากลัวของโรค คือเราไม่รู้ว่าติดเชื้อเมื่อไหร่ และการแสดงอาการก็ค่อนข้างคลุมเครือ เพราะฉะนั้นการที่ผู้คนติดบ้านมากขึ้น อาจจะทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง มีเวลาให้ครีเอทคอนเทนต์ดีๆ และสร้างสรรค์ความสนุกให้ทั้งตัวเองและ Community ผ่านแอพลิเคชั่นตัดต่อวิดีโอสั้นๆอย่าง Tiktok
3.Social Media จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นหลังจากนี้
การเว้นระยะห่างทางสังคม ในเวลาเดียวกันก็เป็นการลดช่องว่างการติดต่อสื่อสาร โดยมีโซเชียลมีเดียเป็นตัวกลางสำคัญที่ทำให้การติดต่อสื่อสารกลายเป็นเรื่องง่าย ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และ Tiktok อาจจะเป็นไม่ใช่แอพลิเคชั่นเอาไว้แชท หรือพูดคุยสนทนากันเป็นหลัก แต่เป็นคอมมิวนิตี้ที่ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์วิดีโอและแชร์คอนเทนต์ดีๆ ติดตามเรื่องราวความสนุกสนานและการเล่าเรื่องในรูปแบบวิดีโอได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แถมยังครีเอทวิดีโอสร้างสรรค์ได้ง่ายๆโดยไม่ต้องจ้างโปรดักชั่นหรือ Editor
แบรนด์ต้องปรับตัวอย่างไรเมื่อแพลตฟอร์มอย่าง TIKTOK กำลังมาแรง
ประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย มียอดดาวน์โหลดสูงเป็นอันดับต้นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว และนับวันยอดดาวน์โหลดยิ่งเพิ่มขึ้นสูงจากปีทีแล้วมาก เมื่อมียอดผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ไม่แปลกใจว่าทำไม Tiktok ถึงกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นที่จับตาของนักการตลาดในยุคปัจจุบัน จาก Short – Video แพลตฟอร์ม กลายเป็น Marketing Platform เพื่อเปิดโอกาสให้แบรนด์ได้เข้ามาทำการตลาด สร้าง Engagement และ Awareness เพื่อช่วงชิงลูกค้าผ่านรูปแบบฟีเจอร์ต่างๆบนแพลตฟอร์ม Tiktok โดยแบรนด์สามารถเปิด Official account ของแบรนด์เอง บน Tiktok เพื่อที่จะได้ทำการสื่อสารต่างๆผ่านการโฆษณาในรูปแบบต่างๆรูปแบบของโฆษณาบน Tiktok วิธีการนำเสนอ และกลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์มก็มีความต่างกันไป
- Brand Takeover โฆษณาแสดงขึ้นมาทันที เมื่อมีผู้ใช้งานเปิดใช้แอพพลิเคชั่น Tiktok
- In-feed Ads โฆษณาแสดงบน News Feed
- Hashtag Challenge เป็นการสร้างแคมเปญโฆษณา โดยมีการใช้ Hashtag Challenge เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาร่วมมี Engagement มากขึ้น
- Branded Lenses แบรนด์สร้างฟิลเตอร์เป็นของตัวเอง
และถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ของ Tiktok นั้น จะเป็นแอปพลิเคชั่นเรียกเสียงเฮฮาเสียส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางเนื้อหาที่ได้รับฟีดแบคดีไม่แพ้กัน เช่น วิดีโอความสามารถพิเศษ, อาหารและเครื่องดื่ม, การเดินทาง, การเต้น และแฟชั่นความงาม แบรนด์อาจจะต้องวางแผนว่าจะต้องโพสต์คลิปแบบไหนโดยไม่หลุดจาก Coperate/Brand identity
โดย WHO องค์กรอนามัยโลกที่ร่วมมือกับ Tiktok โพสต์คลิปการให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องโรคระบาดใหม่ อย่างโควิด19 เมื่อไม่ให้เกิดช่องว่างให้ Fake news เข้ามาทำให้เกิดความเข้าใจแบบผิดๆ นอกจากนั้น WHO ได้มีการสร้างแคมเปญบน Tiktok ที่มีชื่อว่า #SafeHandsChallenge เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนล้างมือบ่อยๆอย่างถูกวิธีในช่วงโรคระบาดนี้
หรือ ธนาคารกรุงศรี ได้อัพโหลดคลิปเต้นของพี่กล้วยกรุงศรี แถมจัด Challenge ให้ทุกคน และได้ร่วมมือกับ influencers คนดัง ร่วมกันโชว์สเต็ปและฟีเจอริ่งกับพี่กล้วยกรุงศรีได้ผ่าน Tiktok
วันนี้ Tiktok เป็น Short Video Platfrom หรือ Marketing Platform และ การ Mass Platform ก็คงไม่ใกล้เกินเอื้อมสำหรับ Tiktok เพราะฉะนั้นแบรนด์อาจจะต้องปรับตัวให้เท่าทันในโลกดิจิตอลให้ได้มากที่สุด
Lesson Learn จากการใช้งาน app : Tiktok ในมุมมองผู้เขียน
Tiktok แหล่งรวมเรื่องราวรูปแบบคลิปวิดีโอสั้นๆที่เป็นศูนย์รวมของ Extrovert ที่ผู้ใช้งานส่วนมากชอบเข้าสังคม เป็นมิตร ปรับตัวเข้าได้กับทุกคน ชอบเจอหน้าพูดคุยมากกว่าพิมพ์ ชอบการเป็นที่ยอมรับจากสังคม Tiktok จึงเป็นอีก community หนึ่งที่ช่วยให้ใกล้ชิดและและได้อัปเดตเรื่องราวสนุกๆกับเพื่อนๆของชาว Extrovert ได้อย่างสร้างสรรค์ กลับกันในส่วนของ Introvert นั้นอาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าสังคมมากนัก แต่ก็ยังคงเป็นนักท่องออนไลน์ที่อาจจะเก็บตัวอ่านบทความเงียบๆ หรือเขียนบทความยาวๆ เล่าเรื่องผ่านตัวอักษร เพราะเหล่า Introvert นั้น ไม่ชอบเป็นศูนย์กลางของความสนใจ และแน่นอน Tiktok อาจจะไม่ใช่แพลตฟอร์มที่เหมาะกับคนที่ค่อนข้างเก็บตัวมากนัก ทั้งนี้ บางคนอาจจะมีบุคลิกทั้งสองแบบแล้วแต่เวลาและสถานการณ์ที่พบเจอ กลุ่มคนที่มีบุลคิกทั้งสองแบบนี้ ถูกเรียกว่า ambivert เช่น ตัวจริงเป็นคนพูดน้อย แต่กลับชอบแชทกับเพื่อนๆผ่านสมาร์ทโฟน หรือค่อนข้างเก็บตัว แต่บางครั้งก็ต้องการเป็นที่ยอมรับในสังคม อาจกล่าวได้ว่าผู้ใช้งาน Social media ในยุคนี้มีหลายแง่หลายมุมให้เราค้นคว้า การศึกษา Customer behavior หรือ Target journey จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากก่อนที่จะลงเงินไปกับการทำการตลาด ศึกษาจนกระทั่งคุณมั่นใจว่าลูกค้าของคุณอยู่แพลตฟอร์มไหน หากไม่ได้อยู่บนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง คุณจะได้ไม่ต้องลงเงินไปกับแพลตฟอร์มเหล่านั้นอย่างเปล่าประโยชน์