สวัสดีทุก ๆ ท่าน ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ด้วยความสังสัยของหัวข้อ หรือกำลังติดตามข่าวสารที่เกี่ยวกับโควิด 19 ทำให้เราได้มาพบกันในบทความนี้
พวกเราทีมงาน NOW247 ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ไปพร้อม ๆ กันครับ #Stayathome #Covid19
ในช่วงโควิดนี้ ทุก ๆ ท่านคงเคยได้ยินมาไม่มากก็น้อยทั้งทาง TV หรือ Social Media เองก็ตาม โดยทาง ศบค.(ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) ออกมาแถลง คำว่า “New Normal” หรือที่เราเข้าใจว่า ความปกติใหม่ หรือวิถีชีวิตใหม่ มันคืออะไรกันแน่? เราจะพาไปค้นหาคำตอบพร้อม ๆ กันครับ 😀
New Normal คืออะไร? (แปลไทยเป็นไทย)
ถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ “New Normal” ก็คือ การใช้วิถีชีวิตในรูปแบบใหม่ หรือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิม จนเกิดเป็นความปกติใหม่
ยกตัวอย่างเช่น ก่อนเกิดวิกฤตโควิด เราใช้ชีวิตตามปกติ ตื่นนอน เดินทางไปทำงาน ไม่ต้องใส่ผ้าปิดจมูกหรือพกเจลล้างมือ สามารถไปซื้อของตามห้าง และเจอผู้คนได้เป็นปกติ แต่เมื่อเกิดวิกฤตโควิดขึ้น การใช้ชีวิตปกติแบบเดิมนั้นมีความเสี่ยงต่อโรค ในการทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างจึงถูกงดลงไป เพราะต้องคำนึงถึง “การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)” ให้มากขึ้น ส่งผลกระทบให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงไป จากที่ไม่ต้องใส่ผ้าปิดจมูกหรือพกเจลล้างมือ กลับกลายเป็นเรื่องจำเป็น / จากที่เดินไปซื้อของหรือกินอาหารตามห้างทั่วไป เปลี่ยนไปซื้อผ่านแอปพลิเคชันหรือร้านค้าออนไลน์แทน / จากที่ต้องเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศตามปกติ เปลี่ยนเป็นทำงานที่บ้าน(Work from Home) เป็นต้น ดังนั้นการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตจากเดิมเป็นอีกรูปแบบนึง จนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปนั้นกลายเป็นเรื่องปกติใหม่ หรือ “New Normal” นั้นเอง
นอกจากนี้ยังส่งผลให้ธุรกิจหลาย ๆ อุตสาหกรรมต้องปรับตัว เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ที่ขายผ่านหน้าร้าน(Offline) ต้องปรับตัวมาขายบนสื่อออนไลน์(Online) และใช้บริการแอปพลิเคชันอาหาร อย่าง Grab Food, LINE MAN หรือ Foodpanda มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ส่งผลกระทบให้เกิดธุรกิจใหม่ หรือเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น เช่น รับฉีดพ่น ยาฆ่าเชื้อโรคตามบ้าน ตัวอย่างข้างต้นทำให้หลาย ๆ ท่านเข้าใจความหมายมากขึ้น แต่คำถามที่น่าสนใจถัดมาก็คือ New Normal จะหายไปหลังจากโควิด หรือ จะอยู่กับเราตลอดไป ? เพราะคำถามนี้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงและสงสัยกันอยู่พอสมควร ทั้งนักวิชาการ หรือนักธุรกิจต่าง ๆ เนื่องจากขึ้นอยู่กับมุมมองด้านเศรษฐกิจ, ด้านพฤติกรรมมนุษย์ จนไปถึงด้านสุขอนามัยเองก็ตาม
หลังวิกฤตโควิด New Normal จะหายไป หรือ อยู่กับเราตลอดไป ?
ความเป็นพื้นฐานของมนุษย์จะทำให้ New Normal หายไปหลังจากวิกฤตโควิดจบ
หลังจากวิกฤตโควิดจบ New Normal อาจไม่เกิดขึ้น เนื่องจากบางพฤติกรรมอาจไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างถาวร บางพฤติกรรมอาจเป็นไปเพียงชั่วคราวเท่านั้น สาเหตุเกิดจากวิกฤตโควิดอาจเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราว หรือเป็นเพียงเหตุการณ์พิเศษเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง เราทุกคนยังไม่ได้ทิ้งวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ ไป เพียงแค่เรายอมรับวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ ๆ (New Normal) มากขึ้นเท่านั้น การอยู่แต่บ้านหรือใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์ ไม่สามารถตอบสนองชีวิตของมนุษย์ได้ทั้งหมด เราทุกคนล้วนยังมีความต้องการสินค้า บริการ และประสบการณ์จากโลกจริง หรือการได้เชื่อมต่อ พบปะผู้คนต่อหน้า ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น
ความคุ้นเคย ความสะดวกสบายทำให้ New Normal ยังคงอยู่กับเราต่อไป
เนื่องจากทาง ศบค.(ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019) ได้มีการแถลงการณ์ใช้ พรก.ฉุกเฉิน หรือเคอร์ฟิว(Lockdown) ทำให้ทุกบ้านต้องกักตัวเอง รวมไปถึงการปิดห้างสรรพสินค้า และบริษัทส่วนใหญ่ให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน(Work from Home) เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ในช่วงวิกฤตโควิดนี้เองทำให้หลาย ๆ คนมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปแบบฉับพลัน เช่น ความสนใจด้านสุขอนามัยมากขึ้น สั่งอาหารประเภท Delivery มากขึ้น หรือแม้แต่การซื้อขายสินค้าบนออนไลน์มากขึ้น จนไปถึงการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์นานยิ่งขึ้น เพื่อการสื่อสาร หรือความบันเทิงก็ตาม ทั้งโหลด Tiktok มาลองเล่นก็ดี หรือ รอเก็บซีรี่ย์ใน Netflix ก็ดี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาพักผ่อนในช่วงกักตัวได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่แล้ว ก็ยังมีผลต่อคนใน Gen X, Baby Boomer หรือรุ่นพ่อแม่เรานั้นเอง เพราะพวกเขาเหล่านี้ก็ยังคงต้องการสินค้าหรือบริการที่ช่วยตอบสนองความสะดวกสบาย และความปลอดภัยให้กับเขาได้ ทำให้พวกเขาเหล่านี้ เรียนรู้และยอมรับกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากขึ้น จากที่ใน LINE chat เคยส่งแค่รูปสวัสดีวันจันทร์ เป็น ส่ง location ให้กับพนักงานส่งของให้มาที่บ้านได้อย่างถูกต้อง หรือแม้แต่การลองใช้แอปพลิเคชันเพื่อสั่งอาหาร(Grab Food, LINE MAN หรือ Foodpanda) หรือเพื่อชอปปิ้ง(Shopee, Lazada หรือ JD.com) เป็นต้น
แม้ว่าวิกฤตโควิดจะจบลงก็ตาม แต่ด้วยความคุ้นเคย คุ้นชิน กับพฤติกรรมเหล่านี้ในช่วงกักตัว ทั้งคนรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าเองก็ตาม ก็ไม่อาจจะปฏิเสธพฤติกรรมใหม่ หรือที่เราเรียกกันว่า New Normal ได้
ถึงแม้หลังวิกฤติโควิดนั้นอาจจะทำให้เกิด New Normal หรือไม่ก็ตาม เพราะยังไม่มีงานวิจัยหรือวัคซีนที่สามารถบ่งบอกแนวทางอนาคตของวิกฤตครั้งนี้ได้ แต่การเตรียมตัวรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นการวิเคราะห์เทรนด์สังคมหลังวิกฤตโควิด ช่วยให้เราพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน จะมีเทรนด์อะไรเกิดขึ้นบ้าง มาวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กันครับ
เตรียมพร้อมไปกับ Next Normal หรือเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคหลังวิกฤตโควิด ?
Digital Takeover – แน่นอนว่าวิกฤตโควิดได้กระตุ้นให้ผู้บริโภคได้ใช้งานธุรกรรมออนไลน์ การบริการต่าง ๆ ผ่านรูปแบบดิจิทัล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเช็คยอดผู้ติดเชื้อสะสมออนไลน์รายวัน ซื้อของออนไลน์ การสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ จนในระยะยาว การใช้งานด้านดิจิทัลจะเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานการใช้ชีวิตของผู้บริโภคต่อไป ผู้ประกอบการจึงต้องใช้สื่อออนไลน์ หรือ Social Media เป็นกลยุทธ์หลักในการเข้าถึงผู้บริโภค รวมถึงต้องคำนึงถึงศักยภาพทางด้านโลจิสติกส์ในการเข้าถึงลูกค้าด้วย
Health & Wellness – ผู้บริโภคค้นหาข้อมูล ติดตามข่าวสารการรับมือและเตรียมตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ติดโรค ทำให้เรื่องสุขอนามัยได้กลายมาเป็นกิจวัตรสำคัญของผู้บริโภคที่คำนึงก่อนเป็นอย่างแรก เช่นก่อนออกจากบ้านต้องใส่ผ้าปิดจมูกและพกเจลล้างมือติดตัว ดังนั้นสินค้าที่ทำให้ผู้บริโภคสะดวกและปลอดภัยในการใช้ชีวิตในด้านสุขอนามัยจึงเป็นเรื่องจำเป็น
Auto Shopping Subscription – สินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคซื้อจากแบรนด์ประจำ(brand loyalty) รูปแบบการสั่งแบบ Auto Subscription หรือการส่งสินค้ามาให้ทุก ๆ เดือนหรือสัปดาห์ หากแบรนด์สามารถครองใจผู้บริโภคได้ในระยะยาว จะช่วยให้แบรนด์มีรายได้คงที่ สินค้าส่วนใหญ่ที่สามารถใช้ได้ดีกับรูปแบบ Auto Subscription คือสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค สินค้าจำเป็น เช่น น้ำดื่ม, ไข่ไก่, เนื้อสัตว์หรือผักสด เป็นต้น
Happiness At Home – ความสุขที่เกิดขึ้นได้จากที่บ้าน แม้เป็นสิ่งเล็กน้อยและเรียบง่ายสามารถเกิดขึ้นได้ภายในบ้านและครอบครัว เช่น การมีเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ๆ เครื่องครัวทันสมัยมากขึ้น หรือสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้านเพื่อให้เกิดกิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอก ถือว่าเป็นความท้าทายของแบรนด์ที่จะสามารถเข้าเติมเต็มชีวิตและครอบครัวของแต่ละบ้านได้
Physical Distancing & Flexible – คนก็จะเลือกใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีความแออัดน้อยลง เลือกวิถีชีวิตที่มีพื้นที่มากกว่าวิถีชีวิตที่มีความสะดวกสบาย ไม่เพียงแต่คนจะคำนึงถึงขนาดของที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเท่านั้น การทำงานอาจถูกปรับให้มีการทำงานแบบ Remote working มากขึ้น ทำให้การเดินทางน้อยลง มีเวลาให้จัดสรรมากขึ้น(work life balance)
อย่างไรก็ตาม New Normal ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดการณ์ของเทรนด์ในอนาคตเท่านั้น หากธุรกิจใดก็ตามสามารถรับมือ และพร้อมปรับตัวกับสถานการณ์วิกฤตได้ ก็จะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในครั้งนี้ไปได้ พวกเรา NOW247 ได้รวบรวมเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถติดตาม อัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดได้ดียิ่งขึ้น ดังนี้ครับ
Facebook – ออกเครื่องมือที่รวบรวมข้อมูล สถานการณ์โควิด และมีฟีเจอร์ช่วยให้ผู้ต้องการส่งมอบความช่วยเหลือ และ ผู้ขอรับบริจาคต่างๆ สามารถโพสต์ได้ที่นี่ได้เลย
Coronavirus (COVID-19) Information Center : https://www.facebook.com/coronavirus_info/
Google – เพิ่มการแสดงข้อมูลที่เกี่ยวกับ COVID-19 ขององค์การอนามัยโลก(WHO) และกรมควบคุมโรค ผ่านช่อง Search เพื่อให้ผู้ค้นหาได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ รวมถึงช่วยเช็คยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ
Get the latest information from the DDC about COVID-19 : https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php
Twitter – เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้เรารับข่าวสารได้อย่างมั่นใจ เชื่อถือได้จากที่มาของข่าว รวมไปถึงติดตามข่าวสารได้อย่าง Real-Time
Updates on the Covid-19 situation in Thailand : https://twitter.com/i/events/1240300661364772864
สุดท้ายนี้ขอฝากพวกเราทีม NOW247 พลังรุ่นใหม่ไฟแรง ที่พร้อมจะช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวไปข้างหน้า และร่วมแก้ไขปัญหาไปด้วยกันครับ
” บทเรียนที่ดีที่สุดในชีวิต บางครั้งเราก็เรียนรู้จากช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ”
” Some of life’s best lessons are learned at the worst times. “
